สล็อต
mpkwin

บาคาร่า

บาคาร่า

ผลบอลสด

เว็บตรงออนไลน์

รับติดตั้งตาข่ายกันนก บาคาร่า168 w88 ทางเข้า รับติดป้ายโฆษณา รับติดป้ายโฆษณา ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม

รับติดป้ายโฆษณา รับติดป้ายโฆษณา ไนโตรเจนเหลว รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก รับรีโนเวท รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก

ดาฟาเบท

Sbobet888 ทางเข้า Sbobet

บาคาร่า

บาคาร่า

คาสิโนออนไลน์

mpk

nexobet

usun

สล็อตเว็บตรง

mpkwin24h

สล็อตออนไลน์

เว็บตรงสล็อต อันดับ1

บาคาร่าเว็บครง

บาคาร่า888

9slot

บาคาร่า888

kamagra

boy789

mickey66

atm89

pod168

godzilla168

nexoeasy

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - luktan1479

หน้า: [1] 2 3 ... 81
1
ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะยานเกือบ 200 จุด ขานรับราคาน้ำมันปรับตัวลง

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดพุ่งขึ้นเกือบ 200 จุด หลังราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี รวมทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน

ณ เวลา 21.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,547.14 จุด บวก 188.64 จุด หรือ 0.55%

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 400 จุดวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น และผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ราคาน้ำมัน WTI, เบรนท์เริ่มมีเสถียรภาพในวันนี้ โดยล่าสุด สัญญาล่วงหน้า WTI หลุดระดับ 113 ดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ใกล้หลุด 119 ดอลลาร์ หลังสหรัฐเปิดเผยว่าการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านมีความคืบหน้า ซึ่งจะปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด

นักลงทุนจับตาการประชุมฉุกเฉินขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในวันนี้เพื่อหามาตรการตอบโต้รัสเซียจากการที่ส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้เดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของ 3 กลุ่มในวันนี้ ซึ่งได้แก่ การประชุมนาโต, การประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือ G7 และการประชุมสหภาพยุโรป (EU)

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังมีกำหนดเดินทางเยือนโปแลนด์ในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงวอชิงตันในวันเสาร์

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 28,000 ราย สู่ระดับ 187,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2512 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 212,000 ราย

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 67,000 ราย สู่ระดับ 1.35 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2513

เอส แอนด์ พี โกล.เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2564 จากระดับ 55.9 ในเดือนก.พ.

ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายภาวะคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน และการฟื้นตัวของอุปสงค์ ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานดีดตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจปรับตัวลงในเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนสินค้าพุ่งสูงขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 58.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 57.3 ในเดือนก.พ.

สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 58.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 56.5 ในเดือนก.พ.

2
TPLAS พร้อมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 8 เม.ย.นี้

นับถอยหลังวันที่ 8 เม.ย.นี้ ผู้ถือหุ้นเตรียมตัวไปยกมือโหวตรับปันผลงาม ๆ ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ของ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) หรือTPLAS ฟาก"อภิรัตน์ ธีระรุจินนท์" รองกรรมการผู้จัดการ ประกาศชัด ยังคงมุ่งมั่นในการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้เติบโตต่อเนื่อง ส่วนแผนธุรกิจปีนี้ เน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภค เพื่อกระตุ้นยอดขาย และสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน งานนี้ปักหมุดโตไม่ต่ำกว่า 10% สัญญาณดีขนาดนี้ ผู้ถือหุ้นรอลุ้นผลตอบแทนสวยๆได้อีกเลยคร้า!

ภาวะตลาดหุ้นออสเตรเลีย: S&P/ASX 200 ปิดบวก 19.10 จุด กลุ่มเหมืองแร่-พลังงานหนุนตลาด

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดบวกในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้น

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 7,406.20 จุด เพิ่มขึ้น 19.10 จุด หรือ +0.26% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 7,689.90 จุด เพิ่มขึ้น 20.90 จุด หรือ +0.27%

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มปรับตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บวก 0.9%, หุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 0.7% และหุ้นฟอร์เทสคิว เมทัล ปรับตัวขึ้น 1.7%

หุ้นบลูสโคป สตีล พุ่งขึ้น 5% โดยได้แรงหนุนจากราคาสินแร่เหล็กที่ปรับตัวขึ้น

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย หลังราคาน้ำมันฟื้นตัว โดยหุ้นซานโตส บวก 0.7% และหุ้นวู้ดไซด์ เพิ่มขึ้น 1.2%

3
ทริสฯ จัดอันดับเครดิตองค์กร ITEL ที่ 'BBB' แนวโน้ม 'Stable'
 
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) ที่ระดับ 'BBB' ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'

ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทเกิดจากองค์ประกอบระหว่างอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile ? SACP) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ'bbb' และสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยหลัก (Core Subsidiary) ของ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) ตาม 'เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ' (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง

โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในการให้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง ตลอดจนผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ และฐานรายได้ประจำของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนและความผันผวนของธุรกิจโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project) และการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมด้วยเช่นกัน

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในการให้บริการสื่อสารข้อมูลผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายหลักในธุรกิจวงจรสื่อสารและการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสงในประเทศไทย โดยความได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัทมาจากการมีโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่ครอบคลุมกว้างขวาง รวมถึงคุณภาพของเครือข่ายและการให้บริการที่ดี คณะผู้บริหารและวิศวกรที่มีประสบการณ์ และการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า บริษัทติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสงซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักตลอดแนวเส้นทางรถไฟและทางหลวงทั่วประเทศไทย และให้บริการเชื่อมต่อวงจรสื่อสารคุณภาพสูงแก่ลูกค้าด้วย ซึ่งจุดแข็งดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและเข้าร่วมในโครงการโทรคมนาคมของภาครัฐที่เกี่ยวเนื่องกับสายใยแก้วนำแสงหลากหลายโครงการ
ขยายฐานรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง รายได้จากธุรกิจให้บริการโครงข่ายวงจรสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง (Data Service Business) และจากธุรกิจการให้บริการพื้นที่ศูนย์ข้อมูล (Data Center Business) ถือเป็นแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่สำคัญของบริษัท โดยรายได้จากธุรกิจทั้ง 2 ประเภทนี้คิดเป็นสัดส่วนรวม 55% ของรายได้รวมของบริษัท ทั้งนี้ รายได้ประจำของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวมาอยู่ที่ระดับ 1.4 พันล้านบาทในปี 2564 จากระดับ 600 ล้านบาทในปี 2560 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ประจำของบริษัทจะเติบโตต่อไปเนื่องจากบริษัทมีจุดแข็งที่สำคัญคือโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่ครอบคลุมกว้างขวางและคุณภาพการให้บริการที่ดีซึ่งจะช่วยให้บริษัทเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้มากยิ่งขึ้นและสามารถชนะประมูลโครงการใหม่ ๆ
บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีและสามารถคงสถานะทางการแข่งขันในตลาดให้บริการผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสงมาได้ ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจ Data Service ในช่วงปี 2559-2564 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ระดับประมาณ 27% การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ได้ทำให้บริษัทเอกชนและหน่วยงานภาครัฐหันมาให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีรวมถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการสื่อสารและขั้นตอนการทำงาน ซึ่งส่งผลให้มีอุปสงค์ในการใช้บริการสื่อสารข้อมูลเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2564 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจ Data Service ที่ระดับ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2563 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล

ในขณะที่รายได้จากธุรกิจ Data Center นั้นค่อนข้างคงที่โดยอยู่ที่ระดับ 85-95 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากลักษณะของสัญญาของลูกค้าส่วนมากที่เป็นสัญญาระยะยาว

รายได้โครงการมาจากโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ บริษัทได้ดำเนินธุรกิจให้บริการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม (Installation Business) ขนาดใหญ่โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการให้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลรวมทั้งการติดตั้งและซ่อมบำรุงสายเคเบิลใยแก้วนำแสงที่บริษัทมีมาพัฒนาต่อยอด โดยธุรกิจ Installation นั้นครอบคลุมทั้งการติดตั้งโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง การให้บริการซ่อมบำรุง และโครงการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology -- IT) เนื่องจากธุรกิจ Installation ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นลักษณะโครงการที่รายได้เกิดขึ้นตามความสำเร็จของโครงการ ดังนั้น รายได้จากธุรกิจนี้จึงมีความผันผวนสูงกว่ารายได้จากธุรกิจ Data Service และธุรกิจ Data Center โดยในปี 2564 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจ Installation อยู่ที่ระดับ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 800 ล้านบาทในปี 2563 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 44% ของรายได้รวมของบริษัท
ธุรกิจ Installation นั้นขึ้นอยู่กับโครงการภาครัฐซึ่งเกี่ยวข้องกับงบประมาณด้าน IT และการประมูลงานของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ โครงการ IT เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเกิดความล่าช้าในการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ หลายประการ โดยการดำเนินงานมักประสบกับปัญหาต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการก่อสร้างหรือในขั้นตอนการชำระเงินและบางครั้งก็ขาดความต่อเนื่องของงบประมาณด้าน IT ของหน่วยงานภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่ารัฐบาลไทยยังคงมีความพยายามที่จะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ของประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไป เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้ขยายงานสู่โครงการใหม่ ๆ ที่สร้างการเติบโตของรายได้ เช่น โครงการอากาศยานไร้คนขับ (Drone) และโครงการอุปกรณ์ต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (Anti Drone) รวมถึงโครงการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด และโครงการเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์และข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงจำนวนโครงการที่มีอยู่ในแผนและการขยายเข้าสู่โครงการใหม่ ๆ แล้ว ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับรายได้จากธุรกิจ Installation เอาไว้ได้

มูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบช่วยสนับสนุนรายได้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีสัญญางานที่อยู่ระหว่างการพัฒนาที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) มูลค่ารวมเกือบ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ประมาณ 70% เป็นงานในธุรกิจ Data Service และธุรกิจ Data Center ส่วนที่เหลือเป็นงานในธุรกิจ Installation และโครงการโทรคมนาคมอื่น ๆ โดยมูลค่างานในมือประมาณ 2 พันล้านบาทคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 และอีกประมาณ 1.5 พันล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ในระหว่างปี 2566-2568 ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าสัญญาให้บริการที่กำลังจะหมดอายุในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าจะได้รับการต่อสัญญาต่อไป นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะเข้าประมูลงานโครงการภาครัฐเพิ่มเติมซึ่งจะทำให้บริษัทมี Backlog เพิ่มมากยิ่งขึ้นและจะช่วยสนับสนุนรายได้ในอนาคต
ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 2.9-3.2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567 เมื่อพิจารณาจากอุปสงค์การเข้าถึงการเชื่อมต่อข้อมูลและอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โครงการพัฒนาระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่อยู่ในแผนดำเนินการ และโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

ขยายสู่ธุรกิจออกแบบและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อไม่นานมานี้บริษัทได้ประกาศแผนในการขยายเข้าสู่ธุรกิจออกแบบและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ (IT Solutions) ผ่านการซื้อกิจการของ บริษัท เวทเธอเรีย อี จำกัด ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 51% ใน บริษัท บลู โซลูชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทจะจ่ายชำระการทำธุรกรรมมูลค่ารวม 153 ล้านบาทดังกล่าวด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ของบริษัท
บริษัทบลู โซลูชั่น ประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ระบบ IT และให้บริการแบบครบวงจรซึ่งรวมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจ โดยบริษัทมีรายได้ที่ระดับ 181 ล้านบาทในปี 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าการควบรวมกิจการในครั้งนี้จะทำให้เกิดการผสานพลังทางธุรกิจจากการประหยัดต้นทุนและการเพิ่มฐานรายได้เมื่อบริษัททำการควบรวมกิจการแล้วเสร็จและประสบความสำเร็จในการผสานธุรกิจภายหลังจากการควบรวม

มีความสามารถในการทำกำไรที่ดี การที่บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีนั้นเกิดจากการมีฐานรายได้ประจำที่เพิ่มสูงขึ้นและการควบคุมต้นทุนที่รอบคอบ ทั้งนี้ เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ดังนั้น รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยทำให้อัตรากำไรปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 40%-46% ในช่วงปี 2563-2564 จากระดับ 31%-37% ในอดีต
นอกจากนี้ บริษัทยังมีอัตรากำไรที่ดีในสายธุรกิจหลักแต่ละประเภทอีกด้วย โดย EBITDA Margin ในธุรกิจ Data Service อยู่ที่ระดับ 50%-60% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ในธุรกิจ Data Center นั้นอยู่ที่ระดับ 50%-55% ส่วนธุรกิจ Installation นั้น บริษัทรักษาอัตรากำไรได้ที่ระดับประมาณ 15%-20%

ในช่วง 3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ประจำรวมถึงความพยายามในการปรับปรุงการใช้สินทรัพย์ของบริษัทจะสามารถรองรับต้นทุนการดำเนินงานคงที่ที่อยู่ในระดับสูงได้และจะช่วยทำให้อัตรากำไรมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะบริหารจัดการต้นทุนของธุรกิจใหม่อย่างระมัดระวังโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรโดยรวม โดยในช่วงปี 2565-2567 ทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA Margin ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 35%-40% อีกทั้งยังคาดว่าอัตรากำไรจากโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จที่บริษัทได้งานเข้ามาใหม่จะอยู่ที่ระดับประมาณ 15%-20% ในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย

ภาระหนี้จะค่อย ๆ ลดลง บริษัทมีกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้และภาระหนี้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในมุมมองของทริสเรทติ้ง โดยในปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ที่ระดับ 4.6 เท่า รวมทั้งมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 16.3% และมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 62%
ในช่วง 3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าระดับภาระหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะค่อย ๆ ลดลง เนื่องจากบริษัทได้มีการติดตั้งโครงข่ายหลักครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว ดังนั้น เงินลงทุนในอนาคตของบริษัทจึงเป็นไปเพื่อการเชื่อมต่อโครงข่ายไปยังลูกค้าปลายทางเป็นหลัก โดยทริสเรทติ้งคาดว่าเงินลงทุนโดยรวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วงปี 2565-2567 และเมื่อพิจารณาจากกระแสเงินสดที่เติบโตขึ้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นเงินลงทุนในบางส่วน โดยทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 1-1.2 พันล้านบาทต่อปีในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วต่อ EBITDA ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4.2 เท่าในปี 2565 และจะลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 3.5 เท่าในช่วงระหว่างปี 2566-2567 ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ในช่วง 17%-23% ในระหว่างปี 2565-2567

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ชุดใหม่คือ ITEL-W3 และได้สำรองหุ้นใหม่ไว้สำหรับการใช้สิทธิในใบสำคัญแสดงสิทธิ ดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิ ITEL-W3 จะหมดอายุในเดือนเมษายน 2566 ซึ่งหากผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิมีการใช้สิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนก็จะช่วยทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้เงินที่ได้รับจากการใช้สิทธินี้ไปชำระหนี้ที่มีอยู่และใช้สนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท

ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีหนี้สินรวมทั้งสิ้นที่ระดับ 4 พันล้านบาท ซึ่งประมาณ 1.75 พันล้านบาทเป็นหนี้เงินกู้โครงการซึ่งมีการโอนสิทธิ์รับเงินไปที่เจ้าหนี้โครงการ (Project loans) และหนี้ที่มีหลักประกัน เนื่องจากบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่มีสิทธิ์ได้รับชำระก่อน (Priority Debt) ต่อหนี้ทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ระดับ 44% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50% ตามที่กำหนดไว้ใน 'เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้' ของทริสเรทติ้ง ในการนี้ ทริสเรทติ้งจึงเห็นว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่มีความเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญในการเรียกร้องค่าทดแทนจากสินทรัพย์ของบริษัท

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทมีแหล่งเงินทุนซึ่งประกอบไปด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 275 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2564 รวมถึงวงเงินกู้จากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกเกือบ 1 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอีกประมาณ 750-800 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่าจะได้รับเงินสดจำนวนประมาณ 750 ล้านบาทจากการขายสินทรัพย์ Data Center เข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust ? REIT) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 นี้อีกด้วย
บริษัทจะใช้เงินทุนสำหรับการลงทุนที่จำนวน 300-400 ล้านบาทต่อปีและจะใช้สำหรับชำระหนี้สินทางการเงินที่จะครบกำหนด โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีภาระหนี้ระยะสั้นมูลค่า 2.25 พันล้านบาทซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้เงินกู้โครงการที่จะต้องชำระคืนสถาบันการเงินเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของบริษัทในการดำเนินโครงการและสถานะเครดิตของเจ้าของโครงการแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะได้วงเงินกู้ใหม่เพื่อทดแทนวงเงินกู้ระยะสั้นเดิมได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน บริษัทยังมีหนี้ระยะยาวที่จะครบกำหนดในปี 2565 อีกจำนวนประมาณ 524 ล้านบาทอีกด้วย

ข้อกำหนดทางการเงินที่บริษัทมีกับธนาคารระบุให้บริษัทต้องคงระดับอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนไม่ให้เกิน 2.5 เท่าและอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (Debt Service Coverage Ratio ? DSCR) มากกว่า 1.2 เท่า ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 1.36 เท่าและ 1.53 เท่าตามลำดับ ในการนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงสามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขของข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวตลอดช่วงเวลาประมาณการได้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

รายได้จะอยู่ในช่วง 2.9-3.2 พันล้านบาทต่อปีในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
EBITDA Margin จะอยู่ที่ระดับ 35%-37% ในระหว่างปี 2565-2567
เงินลงทุนโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า
แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันและมีผลการดำเนินงานที่ดีในธุรกิจ Data Service รวมทั้งยังจะได้รับสัญญาโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จใหม่ ๆ สำหรับธุรกิจ Installation อีกทั้งยังคาดว่าผลการดำเนินงานและระดับการก่อหนี้ของบริษัทจะยังคงสอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้งอีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงาน ตลอดจนกระแสเงินสด และสถานะทางการเงินของบริษัทและกลุ่ม ILINK ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทและของกลุ่มถดถอยลงอย่างมาก ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเช่นกันในกรณีที่สถานะทางการเงินของ ILINK หรือสถานะของบริษัทที่มีต่อกลุ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ

4
ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร PRIN ที่ 'BBB-' แนวโน้ม 'Stable'

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ปริญสิริ (PRIN) ที่ระดับ 'BBB-' พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'

อันดับเครดิตองค์กรสะท้อนถึงฐานรายได้ของบริษัทที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ความสามารถในการทำกำไรที่น่าพอใจ ภาระหนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้น และสภาพคล่องที่เพียงพอ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้ซื้อบ้านในระยะปานกลาง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ฐานรายได้ค่อนข้างเล็ก ฐานรายได้ของบริษัทมีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตรายอื่น รายได้ของบริษัทอยู่ระหว่าง 1.8-2.5 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2561-2564 คิดเป็น 1% ของรายได้รวมของผู้ประกอบการทั้ง 24 รายที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้ง ยอดผู้ติดเชื้อระลอกใหม่จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19)ที่เพิ่มขึ้นและการปิดไซต์ก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2564 เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้บริษัทต้องเลื่อนเปิดโครงการใหม่และเกิดความล่าช้าในการโอนกรรมสิทธิ์แก่ผู้ซื้อบ้าน ส่งผลให้รายได้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 2.28 พันล้านบาท ลดลง 4.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทเปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์เพียง 2 โครงการมูลค่า 1.9 พันล้านบาทน้อยกว่าที่ตั้งเป้าตอนแรกที่ 2.6 พันล้านบาท
ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่ารายได้ของบริษัทจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.4 พันล้านบาทในปี 2565 และ 2.8-3.2 พันล้านบาทต่อปีในปี 2566-2567 ภายใต้สมมติฐานที่บริษัทจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้นมูลค่าประมาณ 3.7-5 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า โครงการใหม่ของบริษัทยังคงเน้นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยทาวน์เฮ้าส์จะอยู่ที่ระดับราคาหลังละ 2-4 ล้านบาท และบ้านจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดอยู่ที่ระดับราคาหลังละ 4-7 ล้านบาท

ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขายจำนวน 18 โครงการ โดยมีมูลค่ารวมทั้งหมด (รวมทั้งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและยังไม่ได้ก่อสร้าง) ประมาณ 7.43 พันล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในสัดส่วน 46% โครงการทาวน์เฮ้าส์ 34% และโครงการคอนโดมิเนียมเตี้ยอีก 20% ยอดขายรอการรับรู้รายได้ ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 229 ล้านบาท ดังนั้น รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างยอดขายใหม่และยอดโอนในปีนั้น ๆ

ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับน่าพอใจ ทริสเรทติ้งคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจไว้ได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า แม้ว่ารายได้ของบริษัทจะลดลงในปี 2564 แต่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจจากการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างที่ดีขึ้นและต้นทุนที่ดินที่ต่ำในบางโครงการ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 37.5% ในปี 2564 จากระดับ 32%-35% ในระหว่างปี 2561-2563 อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเช่นกันโดยอยู่ที่ระดับ 29% ในปี 2564 จากระดับ 23%-27% ในปี 2561-2563
ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการทำกำไรจะลดลงแต่ยังคงอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรม การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมและต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นคาดว่าจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้อยู่ที่ระดับ 32% และ 24% ตามลำดับ ในปี 2565-2567 ดังนั้น คาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 550-780 ล้านบาทต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน

เป็นปีที่มีความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ทริสเรทติ้งคาดว่าอุปสงค์ที่อยู่อาศัยในปี 2565 จะเติบโตที่ระดับ 5%-10% จากปีก่อนหน้าโดยมีปัจจัยสนับสนุนคือแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด 19 ที่มีสัญญาณบรรเทาเบาบางลง นอกจากนี้ การขยายระยะเวลาผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยยังคงเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan-to-value Ratio -- LTV) ให้อยู่ที่ระดับ 100% จาก 70%-90% สำหรับที่อยู่อาศัยทุกประเภทและการลดค่าโอนและค่าจดจำนองสำหรับบ้านที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทไปจนถึงสิ้นปี 2565 นั้นน่าจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ที่อยู่อาศัยให้เติบโตขึ้นได้ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประเด็นที่ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อีกหลายประการในระยะสั้นถึงปานกลางนี้ โดยการแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยจะยังคงรุนแรงต่อไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ไม่แพง ดังนั้น บริษัทจึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์ของตลาดเพื่อให้ยังคงสถานะการแข่งขันได้ในตลาด นอกจากนี้ หนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูงและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นก็อาจส่งผลทำให้กำลังซื้อของผู้ซื้อบ้านลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าบ้านระดับราคาปานกลางถึงต่ำ ในขณะที่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวดยิ่งขึ้นก็ยังคงเป็นประเด็นท้าทายสำหรับผู้ประกอบการ

ภาระหนี้ปรับตัวสูงขึ้น ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยที่งบประมาณซื้อที่ดินจะอยู่ที่ระดับราว ๆ 1 พันล้านบาทต่อปี อีกทั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทได้จัดตั้ง บริษัท ปริญอินเวสท์ เพื่อหาโอกาสในการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในต่างประเทศ โดยเงินลงทุนเริ่มแรกในปี 2565 อยู่ที่ราว 100 ล้านบาท ภายใต้แผนการลงทุนของบริษัท ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 48%-49% ในปี 2565-2567 จากระดับ 45% ณ สิ้นปี 2564 เมื่อพิจารณากำไรที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงและภาระหนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5%-7% ในช่วงปีประมาณการ
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินรวมจำนวน 5.27 พันล้านบาทซึ่งประกอบด้วยตั๋วแลกเงินจำนวน 190 ล้านบาท เงินกู้โครงการจำนวน 1.73 พันล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 3.35 พันล้านบาท ทั้งนี้ หนี้ประมาณ 1.73 พันล้านบาทของภาระหนี้ทั้งหมดของบริษัทเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน เนื่องจากอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทางการเงินรวมของบริษัทมีสัดส่วนอยู่ที่ 33% ซึ่งต่ำกว่าอัตราส่วน 50% ตาม 'เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้' ของทริสเรทติ้ง ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงมองว่าเจ้าหนี้ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่มีความเสียเปรียบในด้านลำดับสิทธิเรียกร้องเหนือสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน

สภาพคล่องเพียงพอ ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอที่จะคืนหนี้จนถึงสิ้นปี 2565 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 566 ล้านบาท เงินลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จำนวน 931 ล้านบาท และวงเงินจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีก 175 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 240 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีที่ดินที่ไม่ติดภาระเป็นหลักประกันคิดเป็นมูลค่าทางบัญชีอยู่ที่จำนวน 2.62 พันล้านบาทซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันสำหรับขอวงเงินสินเชื่อใหม่ได้หากจำเป็น บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จำนวน 1.01 พันล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยตั๋วแลกเงินจำนวน 190 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 821 ล้านบาท บริษัทได้ชำระหุ้นกู้จำนวน 500 ล้านบาทที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมกราคม 2565 และตั๋วแลกเงินที่ครบกำหนดทั้งหมดด้วยหุ้นกู้ใหม่ บริษัทมีแผนจะรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่เหลือที่จะครบกำหนดไถ่ถอนด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่
ตามข้อกำหนดทางการเงินที่ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ระดับไม่เกิน 2 เท่า ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.1 เท่า และ 1.3 เท่าตามลำดับ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินดังกล่าวได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 2.4-3.2 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า
อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ระดับประมาณ 32% และอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 24% ในปี 2565-2567
เปิดโครงการที่อยู่อาศัยมูลค่าประมาณ 3.7-5 พันล้านบาทต่อปี โดยงบประมาณซื้อที่ดินจะอยู่ที่ระดับ 1 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า
เงินลงทุนในต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 100 ล้านบาท ในปี 2565
แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินเอาไว้ได้ตามเป้าหมาย ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสร้างรายได้ที่ระดับ 2.4-3.2 พันล้านบาทและจะคงอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายไว้ที่ระดับ 24% ในปี 2565-2567 โดยที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนจะคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ที่ระดับเกินกว่า 5% ในช่วงปีประมาณการ

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถขยายฐานรายได้และผลกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ยังคงสถานะทางการเงินที่ระดับปัจจุบันเอาไว้ได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้

5
ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดเช้าบวก 3.48 แกว่งไซด์เวย์กรอบแคบขาดปัจจัยใหม่หลังนาโตยังไม่มีมาตรการรุนแรง

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 684.37 จุด เพิ่มขึ้น 3.48 จุด (+0.21%) มูลค่าการซื้อขายราว 31,402 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยทำระดับสูงสุด 1,685.41 จุด และระดับต่ำสุด 1,680.85 จุด

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าที่ผ่านมาแกว่งในกรอบแคบ ยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน เนื่องจากการประชุมฉุกเฉินขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เมื่อวานนี้ก็ยังไม่ได้มีมาตรการรุนแรงต่อรัสเซีย แต่เตรียมให้การสนับสนุนยูเครน ซึ่งทำให้ภาพสงครามอาจยืดเยื้อต่อไป

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าที่ผ่านมาเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบเป็นไปตามปัจจัยเฉพาะตัวของแต่ละประเทศ

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายคาดว่า ตลาดฯ น่าจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบคล้ายกับช่วงเช้า ให้แนวรับไว้ที่ 1,670 จุด และแนวต้าน 1,685 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 985.93 ล้านบาท ปิดที่ 52.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

JTS มูลค่าการซื้อขาย 941.63 ล้านบาท ปิดที่ 367.00 บาท เพิ่มขึ้น 26.00 บาท

WIN มูลค่าการซื้อขาย 858.22 ล้านบาท ปิดที่ 1.97 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท

EA มูลค่าการซื้อขาย 775.90 ล้านบาท ปิดที่ 94.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 714.54 ล้านบาท ปิดที่ 64.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

6
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 6.75 จุด หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์หนุนตลาด
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวขึ้น แม้นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และผลกระทบจากสงครามในยูเครนก็ตาม

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,467.38 จุด เพิ่มขึ้น 6.75 จุด หรือ +0.09%

ตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นแอสตร้าเซนเนก้าและหุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น

หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า พุ่งขึ้น 1.1% หลังสำนักงานยาแห่งยุโรปอนุมัติใช้ยาแอนติบอดีของแอสตร้าเซนเนก้าในการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในผู้ใหญ่และวัยรุ่นที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป หุ้นกลุ่มส่งออกได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยหุ้นดิอาจีโอ และหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อในอังกฤษที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 30 ปี และมาตรการของกระทรวงการคลังที่จะช่วยบรรเทาค่าครองชีพที่ระดับสูงของประชาชนนั้น ไม่ได้ช่วยคลายความวิตกแต่อย่างใด

บรรดานักลงทุนยังจับตาการประชุมสุดยอดนาโตนัดพิเศษซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐเข้าร่วมประชุมกับผู้นำยุโรป ท่ามกลางความขัดแย้งที่ว่าจะทำการคว่ำบาตรด้านพลังงานของรัสเซียต่อไปหรือไม่

7
ทำเนียบขาวชี้รัสเซียเปิดตลาดหุ้นวันนี้ ถือเป็นการแสดง 'ปา.่'

ดัชนี MOEX ตลาดหุ้นรัสเซียพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันนี้ หลังจากเริ่มเปิดทำการซื้อขายวันนี้เป็นวันแรกนับตั้งแต่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในเดือนที่แล้ว

ดัชนี MOEX พุ่งขึ้น 12% ในช่วงแรก ก่อนที่จะชะลอตัวลง และปรับตัวขึ้นเพียง 6.55% ณ เวลา 16.25 น.ตามเวลาไทย

ตลาดหุ้นรัสเซียเปิดทำการซื้อขายหุ้นของ 33 บริษัทจากทั้งหมด 50 บริษัทในช่วงเวลา 10.00-14.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นของบริษัทรายใหญ่อย่างก๊าซพรอม และสเบอร์แบงก์

อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวระบุว่า การเปิดตลาดหุ้นรัสเซียในวันนี้ ถือเป็นการแสดง 'ปา.่'

'รัสเซียแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะทุ่มทรัพยากรของรัฐบาลเพื่อหลอกให้เห็นว่าหุ้นมีการดีดตัวขึ้น นี่ไม่ใช่ตลาดที่แท้จริง และไม่ใช่รูปแบบที่มีความยั่งยืน แต่จะเน้นย้ำว่ารัสเซียกำลังถูกโดดเดี่ยวจากระบบการเงินโลก' นายดาลีพ ซิงห์ รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าว

ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์กันว่าตลาดหุ้นรัสเซียจะดิ่งลงอย่างหนัก หลังกลับมาเปิดการซื้อขายใหม่ในวันนี้ แต่ธนาคารกลางรัสเซียได้กำหนดข้อบังคับเพื่อป้องกันการทรุดตัวของตลาด โดยนักลงทุนจะไม่สามารถทำการขายชอร์ตหุ้นในตลาด และนักลงทุนต่างชาติจะไม่สามารถขายหุ้น หรือพันธบัตรรูเบิล OFZ ได้จนกว่าจะถึงวันที่ 1 เม.ย.

นอกจากนี้ รัฐบาลยังประกาศอัดฉีดเม็ดเงินจากกองทุนความมั่งคั่งของรัฐจำนวน 1 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพยุงตลาด แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่ารัฐบาลรัสเซียใช้เม็ดเงินจำนวนเท่าใดจากกองทุนดังกล่าวในวันนี้

ตลาดหุ้นรัสเซียทรุดตัวลง 50% ในวันที่ 24 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่รัสเซียเริ่มโจมตียูเครน โดยนักลงทุนพากันเทขายหุ้นด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่ธนาคารกลางรัสเซียสั่งระงับการซื้อขายหุ้นตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. ก่อนที่จะอนุญาตให้ตลาดเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้ ซึ่งเป็นการปิดทำการซื้อขายยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นของรัสเซีย

8
เกิดแผ่นดินไหว 6.0 แมกนิจูดที่มณฑลซิงไห่ของจีน ยังไม่มีรายงานความเสียหาย

ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวของจีน (CENC) รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหว 6.0 แมกนิจูดที่มณฑลซิงไห่ของจีน

เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.21 น.ของวันเสาร์ที่ 26 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่น

จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร โดยมีพิกัดอยู่ที่ 38.50 ละติจูดองศาเหนือ และ 97.33 ลองจิจูดองศาตะวันออก

ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานความเสียหาย ผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

เวียดนามติดโควิดวันเดียวกว่า 100,000 ยอดรวมทะลุ 8,700,000 สูงสุดในอาเซียน

กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 108,979 ราย ส่งผลให้เวียดนามมียอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ 8,761,252 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) หลังจากที่อินโดนีเซียครองอันดับประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดในอาเซียนก่อนหน้านี้

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ระดับ 42,196 ราย

อินโดนีเซียเผยผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทะลุ 154,000 ราย สูงสุดในอาเซียน

กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 4,857 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 5,991,687 ราย ซึ่งสูงเป็นที่ 2 ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รองจากเวียดนาม

ขณะนี้ การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ลุกลามไปทั้ง 34 จังหวัดของอินโดนีเซีย

ส่วนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 120 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 154,463 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียน

 

9
ไทยพาณิชย์ คว้า 3 รางวัลยอดเยี่ยมระดับสากล จาก Alpha Southeast Asia และ The Digital Banker ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้บริการตลาดเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจอย่างแท้จริง
 
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศความสำเร็จรับมอบ 3 รางวัลยอดเยี่ยมด้านธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศและการป้องกันความเสี่ยงสำหรับลูกค้าธุรกิจจากเวทีสากล ประกอบด้วย 2 รางวัล ที่ได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ได้แก่ รางวัล Best FX Bank for Corporates & FIs in Thailand จากผลงานการทำธุรกรรมสัญญาอนุพันธ์แลกเปลี่ยนอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย THOR และ รางวัล BEST FX Bank for Structured Hedging Solutions and Proprietary Trading Ideas จากผลงานการพัฒนาบริการซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านออนไลน์ (FX Online) ซึ่ง 2 รางวัลนี้ได้รับจากงาน 11th Annual Treasury & FX Awards 2021 จัดโดยนิตยสาร Alpha Southeast Asia และรางวัล Outstanding FX Services Solution จากผลงานยอดเยี่ยมด้านการพัฒนาโซลูชั่นบริการรับจัดการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (SCB FX Hedging Service) ในงาน Global Transaction Banking Innovation Awards 2021 จัดโดย The Digital Banker โดยรางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในการให้บริการตลาดเงินและบริการธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจอย่างแท้จริงท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล โดยมี คุณแพททริก ปูเลีย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน และทีมผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นผู้แทนรับมอบรางวัล

10
GPI เผยโรงไฟฟ้าขยะนครสวรรค์ COD ขายให้ กฟภ.แล้ว 9 MW รับรู้กำไรยาว

บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (GPI) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 ทางโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนแปรรูป(RDF) บริษัท ทรูเอนเนอร์จี จำกัด (True Energy) ที่ตั้งโครงการอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วม ได้จำหน่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการแล้วกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ 9 เมกะวัตต์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะแปรรูปดังกล่าวมีสัญญาเสนอขายไฟฟ้าแก่ กฟภ.ทั้งสิ้น 9 เมกะวัตต์ (สัญญา 5 ปีและต่อครั้งละ 5 ปีโดยอัตโนมัติ) ซึ่งจะได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ในอัตรา 3.50 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (Kwh) เพิ่มจากค่าไฟฐานเป็นระยะเวลา 7 ปี และได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนเป็นเวลา 8 ปีนับจากวันที่เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าแก่ กฟภ.

นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ GPI เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดและเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัท เนื่องจากการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะช่วยสร้างผลกำไรเข้ามาอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว เนื่องจากมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ.ที่แน่นอน จากปัจจุบันที่มีรายได้หลักจากการจัดงานบางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าดังกล่าวได้รับการออกแบบและก่อสร้างตามมาตรฐานสากล คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยให้ความสำคัญกับการติดตั้งระบบและดำเนินการตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนใกล้เคียง ตามหลักการปฏิบัติที่จัดเตรียมไว้ เช่น อาคารโรงไฟฟ้าถูกออกแบบเป็นระบบปิด, ติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศจากปล่องระบายมลพิษแบบต่อเนื่อง, ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการปล่อยสารมลพิษตามเกณฑ์มาตรฐาน, ควบคุมคุณสมบัติเชื้อเพลิง RDF ตามมาตรฐาน เป็นต้น เพื่อให้ความมั่นใจแก่ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงโรงไฟฟ้า นอกจากนี้โรงไฟฟ้ายังมีส่วนช่วยกำจัดขยะชุมชนเพื่อลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

"การลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะใช้ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 5 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ จากปัจจุบันที่มีธุรกิจหลัก 3 กลุ่มคือ ธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าด้านยานยนต์และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ธุรกิจรับจ้างพิมพ์และธุรกิจสื่อ ที่สร้างรายได้หลักแก่บริษัทฯ อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา" นายพีระพงศ์ กล่าว

11



เรื่องที่คุณอยากรู้ เราช่วยคุณได้ ปรึกษาฟรีนักสืบชลบุรี รับสืบในจังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง มีทีมงาน นักสืบชลบุรีมืออาชีพ เฉพาะทาง สามารถทำงานได้ทันทีที่ท่านต้องการ ปรึกษาปัญหาและรูปแบบการสืบได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายในขั้นปรึกษา บริษัทนักสืบ ของเราเปิดให้บริการมานาน มีผลงานการันตี มีประวัติการทำงานที่ดี สามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่>>> บริษัทนักสืบเอกชนชลบุรี <<<บริษัทนักสืบชลบุรี ให้บริการ ติดตามพฤติกรรมชู้สาว ติดตาม-หาคนหาย สืบทรัพย์บังคับคดี สืบหาที่มาของสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สืบติดตามหมายจับ(พร้อมนำจับ) ตรวจพิสูจน์ DNA ตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือ สืบการลักลอบขายสินค้านอกเขตการรับผิดชอบ การตัดราคาคู่แข่ง สืบการทุจริตในภาครัฐหรือบริษัท ตามรถขนส่งสินค้า รถน้ำมัน หรือ ติดตามพนักงานบริษัท เช็คเบอร์ หาเจ้าของเบอร์ ข้อมูลการโทรเข้า-ออก ข้อมูลบุคคล ฯลฯการทำงานของทีมงาน นักสืบเอกชนชลบุรี จะรายงานการทำงานให้ท่านได้ทราบทุกขั้นตอนของการสืบ ท่านสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของงานได้ทุกเวลาที่ต้องการ ระหว่างการทำงานท่านจะสบายใจได้ว่างานของท่านมีความคืบหน้าตลอดเวลาเบอร์นักสืบชลบุรี โทร : 0982499939
จ้างนักสืบชลบุรี LineID : @thaidetective
หานักสืบชลบุรี Email : thaidetective168@gmail.com
เว็ปไซต์ : นักสืบชลบุรีเก่งๆบริษัท thai-detective.com โดย นักสืบณรงค์ เป็นบริษัทที่ให้บริการงานสืบทุกประเภท ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน โดยดำเนินธุรกิจในแวดวงนักสืบมามากกว่า 20 ปี เชื่อมั่นในบริการและมาตราฐานได้เป็นอย่างมาก โดยผลงานมากมายล้วนประสบความสำเร็จและเป็นที่กล่าวถึงกันในเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง pantip.com อีกทั้งยังถูกจัดอันดับในเว็บ topbestbrand.com ว่าเป็น 10 บริษัทนักสืบที่ดีที่สุดในประเทศไทย และ จากการใช้บริการของลูกค้ามากมายสามารถดูได้จากยอดติดตาม Facebook และ LineADD กว่า 10,000 ราย บริการของที่นี่ครอบคลุมและหลากหลายทุกความต้องการของลูกค้าที่ต้องการให้ช่วยสืบและผลงานของที่นี่ มีคุณภาพสูง ถูกต้องรวดเร็ว เชื่อถือได้ และ สามารถตรวจสอบงานได้ตลอดเวลาเหตุใดลูกค้าส่วนใหญ่จึงเลือกใช้บริการจาก สำนักงานนักสืบเอกชนชลบุรี
  • เป็น บริษัทนักสืบเอกชนชลบุรี ที่ปฏิบัติงานในด้านงานสืบมาอย่างยาวนาน ให้บริการด้านงานสืบทุกประเภท ทุกพื้นที่
  • มีทีมงาน นักสืบมืออาชีพ ที่ผ่านการทำงานมาแล้วหลายคดี พร้อมทำงานให้คุณได้ทันทีทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง
  • เก็บวัตถุพยาน หลักฐาน ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้ได้หลักฐานถูกต้องและชัดเจน
  • บริการรวดเร็ว ส่งงานตรงเวลานัดหมาย
  • ไม่มีประวัติฉ้อโกง ไม่เคยเปลี่ยนเบอร์ติดต่อ มีผลงานมากมาย
  • การันตี รับรองความพึงพอใจ 100% มีสาขารองรับทั่วประเทศ
  • มีการจัดเก็บข้อมูลความลับของลูกค้าเป็นอย่างดี ลูกค้าติดต่องานกับกรรมการบริษัทโดยตรงเพียงคนเดียว ดังนั้นความลับจึงไม่รั่วไหล
  • การติดต่อประสานงานเป็นระบบ เข้าใจง่ายรวดเร็ว
  • อุปกรณ์การทำงานทันสมัย ทำให้งานที่ได้ออกมาดี ครบถ้วนและชัดเจน
>>> สามารถ ปรึกษานักสืบชลบุรีก่อนทำงานจริงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สำหรับท่านที่ทำกับบริษัทนักสืบที่อื่นมา งานไม่จบ ปิดไม่ได้ ทิ้งงาน โดนหลอก มาที่เรา เรารับจบ <<<นักสืบชลบุรี สามารถเริ่มงานได้ทันที 24 ชั่วโมง ในเขตพื้นที่ของ จังหวัดชลบุรี ทั้งหมด 11 อำเภอ ดังนี้
  • นักสืบเมืองชลบุรี
  • นักสืบบ้านบึง
  • นักสืบหนองใหญ่
  • นักสืบบางละมุง
  • นักสืบพานทอง
  • นักสืบพนัสนิคม
  • นักสืบศรีราชา
  • นักสืบเกาะสีชัง
  • นักสืบสัต.บ
  • นักสืบบ่อทอง
  • นักสืบเกาะจันทร์

12
รับสมัครตัวแทนจำหน่าย cci  สร้างรายได้บนโลกออนไลน์ ธุรกิจสมุนไพรไทยเปลี่ยนชีวิต
Dropship ไม่ต้องสต๊อคสินค้า - รับตัวแทนจำหน่าย สินค้าออนไลน์

สมุนไพรไทยเปลี่ยนชีวิต รับสมัครตัวแทนจำหน่าย CCI สร้างรายได้บนโลกออนไลน์
รับตัวแทนจำหน่าย สินค้าออนไลน์  นวัตกรรมสมุนไพร ดร.ณสพน โพธิ์วิจิตร
สมัครตัวแทนจําหน่ายฟรี ลงทุนต่ำ ไม่สต๊อกสินค้า. ตัวแทนหรือสมาชิก CCI สร้างรายได้จากการจำหน่าย 
รับตัวแทนจำหน่าย cci ขายของออนไลน์ อาชีพเสริม สร้างรายได้เสริม ขายของออนไลน์อะไรดี ที่นี่มีคำตอบ กำไรขายปลีกสูงถึง 400 บาท ต่อกล่อง
นวัตกรรมสมุนไพร ระดับโลก  โรงงานผลิตได้มาตรฐาน ก่อตั้งมากกว่า 20 ปี  มีสถาบันวิจัย พร้อมทีมนักวิจัยกว่า 30 ท่าน ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสมุนไพร คุณภาพระดับโลก ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง เป็นสมุนไพรสกัดเข้มข้น

รับตัวแทนจำหน่าย CCI มาตรฐานระดับสากล มั่นใจในคุณภาพ ธุรกิจนี้ดี อาชีพเสริม ทำแล้วรวย สุขภาพดี รายได้มั่นคง  

สนใจ กรอกข้อมูลรับรายละเอียด+ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซด์...
 
 https://www.saleherb.com

รับสมัครตัวแทนธุรกิจ 
Line : @saleherb(มี@นำหน้า)



13
Balance O Plus เพราะแฟนเตยได้ใช้อยู่..  เพราะว่าตัวนี้ช่วยขยายหลอดเลือดอวัยวะ.. ช่วยให้น้องชายใหญ่ขึ้น..
แข็งนานยิ่งขึ้น..วิธีใช้ก็ง่ายมาก..แค่นวด..ต่อเนื่อง เช้า เย็น..

Balance O Plus (BLO) 60ml.
สารสกัดธรรมชาติ ออยล์น้ำมันนวด สูตรเข้มข้น สูตรเฉพาะ Balance O
#โปรโมชั่นพิเศษ!
1 กล่อง ปกติ 990 บาท เพียง 690 บาท
2  กล่อง แถม 1 กล่อง 
*ส่งฟรีเคอรี่ มีบริการเก็บปลายทาง*
รายละเอียดเพิ่มเติม Balance O

14
ครั้งแรก! ช้อปงานสัปดาห์หนังสือฯ ปี 65 ผ่าน LINE MAN MART สั่งง่าย ส่งถึงบ้านทันที รับโค้ดลดฟรี 100 บาท 26 มี.ค. - 6 เม.ย. นี้

ครั้งแรกของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 2565 จับมือ LINE MAN เปิดให้สั่งหนังสือภายในงานจากกว่า 40 สำนักพิมพ์ผ่าน LINE MAN MART ส่งตรงถึงหน้าประตูบ้านอย่างรวดเร็วภายใน 30 นาที พร้อมแจกโค้ดส่วนลดบริการ LINE MAN MART สำหรับผู้ที่สั่งหนังสือไปส่งที่บ้าน และบริการ LINE MAN Taxi สำหรับผู้ที่เดินทางไปที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติตลอด 12 วัน

LINE MAN ผู้นำออนดีมานด์แพลตฟอร์ม นำโดย คุณอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ จับมือ สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ผู้จัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 20 นำโดย นางสาวทิพย์สุดา สินชวาลวัฒน์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เอาใจหนอนหนังสือและผู้ที่รักการอ่านให้สั่งหนังสือที่ชอบจากสำนักพิมพ์ชื่อดังกว่า 40 แห่ง อาทิ แจ่มใส, นานมีบุ๊คส์, ยิปซี กรุ๊ป, บรรลือสาสน์ และ พราว ส่งตรงจากงานถึงหน้าบ้านอย่างรวดเร็วภายใน 30 นาทีผ่านบริการ LINE MAN MART พร้อมมอบโค้ดส่วนลดพิเศษ "BOOKFAIR" รับทันทีส่วนลด 100 บาท* เมื่อซื้อขั้นต่ำ 200 บาท เพื่ออำนวยความสะดวกและเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ที่ต้องการช้อปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติผ่านช่องทางออนไลน์ โดย LINE MAN Rider จะทำหน้าที่ไปซื้อหนังสือและจัดส่งถึงบ้าน โดยผู้สั่งไม่ต้องเดินทางมาที่งาน

นอกจากนี้ LINE MAN ยังมอบโค้ดส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่ที่ใช้บริการ LINE MAN Taxi ครั้งแรก ที่ต้องการเดินทางไปที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ณ สถานีกลางบางซื่อ ใส่โค้ด "BOOKFAIR" รับทันทีส่วนลด 50 บาท ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายนนี้

*จำกัด 1 สิทธิ์ต่อผู้ใช้
**สิทธิ์มีจำนวนจำกัดต่อวัน
***เฉพาะการสั่งซื้อหนังสือจากร้านที่ร่วมรายการผ่าน LINE MAN MART
****ให้บริการเฉพาะพื้นที่ที่บริษัทกำหนด

 

15
รัฐบาลลาว ออก Baht Bond 5 พันลบ.ดอกเบี้ย 5.80-6.40% ขายสถาบัน-รายใหญ่

กระทรวงการคลัง สปป.ลาว (MOFL) เปิดขายพันธบัตรของกระทรวงคลังแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ครั้งที่ 1/2565 จำนวน 2 ชุด อายุ 3 ปี และ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.8% และ 6.4% วงเงินรวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ในวันที่ 28-30 มี.ค.นี้

นายสุลีวัด สุวันนะจูมคำ อธิบดีกรมคุ้มครองหนี้สินสาธารณะ สปป.ลาว เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวงการคลังของลาวยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อออกและเสนอขายพันธบัตรและร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายพันธบัตรชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือพันธบัตร ครั้งที่ 1/2565 จำนวน 2 ชุด ในรูปแบบสกุลเงินบาทไทย วงเงินรวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เปิดให้นักลงทุนสถาบันและ/หรือนักลงทุนรายใหญ่ จองซื้อในวันที่ 28-30 มี.ค.65 ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย 7 ราย ได้แก่ บล.เคทีบีเอสที บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บล.คิงส์ฟอร์ด และ บล.สยามเวลธ์ กำหนดราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองขั้นต่ำ 100 หน่วย

ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุนครั้งนี้ สำหรับพันธบัตรรัฐบาลชุดที่ 1 อายุ 3 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.8% ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 และพันธบัตรชุดที่ 2 อายุ 4 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.4% ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2569 ซึ่งกำหนดชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปชำระคืนพันธบัตรชุดเดิมที่ครบกำหนดไถ่ถอน

"ประเทศไทยมีตลาดการเงินที่เข็มแข็งและเรามองว่าเป็นโอกาสของ MOFL ในการเสนอขายพันธบัตรให้แก่นักลงทุนชาวไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและศักยภาพการแข่งขันของ สปป.ลาว ที่มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อการขนส่ง หรือ Transit Hub ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อมโลกการค้าการลงทุนในอาเซียนไปสู่ตลาดประเทศจีน ก่อให้เกิดการค้า การลงทุน ขยายตัวเพิ่มขึ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ สปป.ลาวในอีก 3 ปี ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 4-5%" นายสุลีวัด กล่าว

หน้า: [1] 2 3 ... 81